“แปลรักฉันด้วยใจเธอ” ซีรีส์วายที่มีส่วนสร้างแรงกระเพื่อมต่อสังคมจนถึงปัจจุบัน

©LINE TV All rights reserved.

กระแสซีรีส์วายในประเทศไทย น่าจะเริ่มมาจากเรื่อง “Love Sick The Series” เมื่อประมาณ 9 ปีก่อน

ซีรีส์ที่ถูกสร้างมาจากนวนิยายออนไลน์ ที่ทำให้เกิดกระแสนิยมในซีรีส์วาย จนภายหลังมีการสร้างซีรีส์วายขึ้นมาอีกหลายต่อหลายเรื่อง จนทำให้ซีรีส์วายของไทยโด่งดังไกลไปถึงระดับนานาชาติ 

เมื่อความนิยมมากขึ้น ความคาดหวังของผู้ชมก็มากตาม และด้วยกระแสสังคมเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ ทำให้เกิดคำวิพากย์วิจารณ์มากมายที่มีต่อซีรีส์วายในหลาย ๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการยัดเยียดฉากเลิฟซีน การขายความเป็นคู่จิ้นของนักแสดงนอกจอ การใช้นักแสดงที่ไม่ได้เป็น LGBTQIA+ จริง ๆ หรือแม้กระทั่งบทละครที่ขายความรักแบบแมน ๆ ของชายรักชาย ที่แตกต่างไปจากความเป็นจริงในสังคม

ซีรีย์ที่จริงใจและตรงไปตรงมา 

สิ่งที่ทำให้ “แปลรักฉันด้วยใจเธอ” ต่างจากซีรีส์วายเรื่องอื่น ๆ คือการบอกเล่าเรื่องราวอย่างจริงใจ สะท้อนสังคมอย่างตรงไปตรงมา ไม่เพียงแต่พยายามขายความจิ้นด้วยความรักแมน ๆ แบบชายรักชาย เหมือนกับซีรีส์วายในสมัยก่อน แต่เปิดเผยให้เห็นถึงความหลากหลายทางเพศที่แท้จริงในสังคม ผ่านการแสดงอัตลักษณ์ทางเพศที่แท้จริงของตัวละครว่าเป็นหนึ่งใน LGBTQIA+ สิ่งนี้อาจสะท้อนสังคมให้ก้าวข้ามความอคติทางเพศ ที่ผู้คนมักใช้ความเชื่อและประสบการณ์ส่วนตัวในการตัดสินผู้อื่น ในเรื่องของอัตลักษณ์และการแสดงออกทางเพศ ภายใต้บรรทัดฐานทางเพศที่ตรงข้ามกับความเป็นจริง

เสพศิลปะผ่านซีรีส์

“แปลรักฉันด้วยใจเธอ” มีความสวยงามในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นภาษา วัฒนธรรม การเล่าเรื่อง ภาพ เสียง และการแสดง ที่เรียกได้ว่ายกระดับมาตรฐานซีรีส์วายในไทยให้สูงขึ้น ส่งผลให้ซีรีส์วายเรื่องต่อ ๆ มามีการลงทุนในด้านการผลิตมากขึ้น ซึ่งเป็นผลดีสำหรับผู้ชมอย่างเราที่จะได้เสพสื่อที่ดีและมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น

ความสวยงามของศิลปะด้านภาษาและการเล่าเรื่อง ผ่านการหยิบยกสิ่งต่าง ๆ มาเป็นสัญญะ ที่ซ่อนนัยยะแห่งความหมายเชิงวรรณกรรม แทนความหมายที่ต้องการจะสื่อ ให้ผู้ชมได้เกิดการสังเกตและการแปลความหมายด้วยตนเอง จากสัญญะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นดอกชบา มะพร้าว ทะเล หรือ ศาลเจ้า

“ดอกชบา” ถูกใช้เป็นสัญญะผ่านวรรณกรรมและภาพยนตร์ไทยในหลาย ๆ เรื่อง โดยถูกเปรียบเสมือนตัวแทนของกลุ่มคนที่ไม่เป็นที่ยอมรับในสังคม หรือ “ชนชายขอบ” โดยในซีรีส์นี้ มีฉากสารภาพความในใจของ 2 ตัวละครหลักอย่าง “เต๋ และ โอ้เอ๋ว” ที่หยิบยื่นดอกฉบาให้กันและสารภาพความในใจ การเปรียบเทียบเชิงสัญลักษณ์นี้ทำให้นึกถึงเรื่อง “Call me by your name” ที่ใช้ลูกพีชเป็นสัญญะทางเพศ

ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ ก็คือความสวยงามของภาพ อันมีศิลปะแห่งการใช้สีที่งดงาม ทั้งแสง พื้นหลัง และเสื้อผ้าที่เป็นโทนสีเดียวกัน ส่งเสริมให้ทุกองค์ประกอบเข้ากันอย่างลงตัว พลงประกอบที่ช่วยเพิ่มอารมณ์ให้ลึกซึ้นมากยิ่งขึ้น รวมถึงองค์ประกอบสำคัญอย่างการแสดงอันยอดเยี่ยมของนักแสดงทุกคน

แสดงให้เห็นถึงมนต์สเน่ห์แห่ง “เมืองภูเก็ต”

ในสมัยก่อน ภูเก็ตอาจได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติซะส่วนใหญ่ แต่หลังจากที่ซีรีส์ออนแอร์ออกไป ทำให้เกิดกระแสการท่องเที่ยวภูเก็ตมากขึ้นจากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ และด้วยสเน่ห์เฉพาะตัวของภูเก็ต ที่เป็นศูนย์รวมของคนหลากหลายเชื้อชาติ วัฒนธรรมไทย-จีนอันมีมนต์สเน่ห์ที่ยังสามารถเห็นได้ในย่านเมืองเก่า แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงาม อาหารพื้นเมืองแสนอร่อย และต้องบอกว่าภูเก็ตเป็นแหล่งรวมร้าน Michelin Guide มากมายไม่แพ้กรุงเทพฯ เลย

แรงกระเพื่อมต่อเศรษฐกิจและสังคมไทย

แรงกระเพื่อมที่มีต่อสังคมไทย อาจจะเห็นได้กระแสความนิยมของซีรีส์วายที่เพิ่มมากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ โดยมีมูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านบาท และจากการที่รัฐบาลที่ในปัจจุบันสนับสนุนให้เกิด Soft Power ด้วยการผลักดันซีรีส์วายสู่สากลมากขึ้น โดยการนำศักยภาพที่ประเทศไทยมี มานำเสนอผ่านซีรีส์ ทั้งด้าน อาหาร ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี และสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่จะส่งผลให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้

หากมองถึงกระแสความนิยมและคำพิพากย์วิจารณ์ที่มีต่อซีรีส์วายในปัจจุบันค่อนข้างเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องด้วยซีรีส์ที่ถูกสร้างออกมาในช่วงหลัง ๆ มีพัฒนาที่ดีขึ้นในหลาย ๆ ด้าน และการรณรงค์สร้างความเข้าใจแก่คนในสังคมในเรื่องของความหลากหลายทางเพศ โดยการให้ความสำคัญต่อตัวละครที่เป็น LGBTQIA+ มากขึ้น ว่าไม่ได้เป็นได้เพียงแค่ตัวตลกในเรื่อง

ปล. ซีรีส์ “แปลรักฉันด้วยใจเธอ” ในบทความนี้ เป็นการกล่าวถึงซีรีส์ในซีซั่นแรก เนื่องด้วยในซีซั่นที่ 2 ดูเหมือนว่าจะเป็นซีรีส์คนละแนว ใช้ผู้กำกับคนละคน รวมถึงสถานที่ถ่ายทำก็เป็นที่กรุงเทพฯ ไม่ใช่ที่ภูเก็ตเหมือนภาคแรก