อยากสงบจิตใจ ทำไมยากจัง? 【คู่มือ The Worst Day (วันที่แย่ที่สุด)】




ในยุคที่คอนเทนต์และข่าวสารมีมากมายเสมือนเป็นปัจจัยที่ 5 ระหว่างที่อารมณ์ของเราไหลตามไปกับคอนเทนต์ฆ่าเวลาต่าง ๆ บ้าง รู้สึกขุ่นเคืองใจบ้าง บางทีก็เกิดความรู้สึกด้อยเมื่อเอาตัวเองไปเทียบกับคนอื่นบ้าง หนึ่งวันก็จบลงเสียแล้ว คนที่มีประสบการณ์แบบนี้คงมีไม่น้อยเลยทีเดียว

คืนวันที่รู้สึกหดหู่จนไม่อยากทำอะไรเริ่มผ่านไปเรื่อย ๆ ในตอนนี้ฉันรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน อยากให้ใครสักคนรับฟังจัง อยากเยียวยาร่างกายที่ล้ามาจากภายในเหลือเกิน

เรามีคำแนะนำจากนักจิตวิทยาคลินิกให้กับคุณ


เมื่อเริ่มสูญเสียความสามารถกับสิ่งที่เคยทำได้ นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือน

〇 เริ่มไม่ค่อยเก็บกวาดสิ่งของ ห้องรกขึ้นเรื่อย ๆ
〇 เริ่มไม่สามารถแต่งหน้าแบบที่แต่งประจำได้
〇 เริ่มออกจากบ้านในเวลาฉิวเฉียดทุกเช้า
〇 เริ่มให้ความสนใจกับเสื้อผ้าที่ตัวเองจะใส่น้อยลง
〇 เริ่มรู้สึกไม่อยากอาหาร
〇 เริ่มมีความทุกข์ใจจนนอนไม่หลับแม้ร่างกายจะเหนื่อยแค่ไหนก็ตาม

เมื่อเริ่มมีสัญญาณเหล่านี้ แสดงว่าเราอาจเริ่มไม่โอเคแล้วล่ะ

ซึ่งหลาย ๆ คนก็พยายามตามหาวิธีผ่อนคลายสิ่งเหล่านี้ หรือคนที่กว่าจะฟื้นฟูสภาพจิตใจได้ก็ต้องรอให้ผ่านช่วงยุ่ง ๆ ไปก่อนก็คงมีไม่น้อยเช่นกัน (โดยเฉพาะคนที่ใช้วิธีคลายเครียดด้วยการหาของอร่อยทานหรือไปเที่ยวตามที่ต่าง ๆ เราอยากคุณลองอ่านบทความอื่นในเว็บไซต์เรามากเลย)

แต่ว่า ถ้าวิธีเดิมที่เคยใช้เริ่มทำได้ยากขึ้นจนทำให้ต้องตกอยู่ในสภาพจิตใจที่ย่ำแย่นานกว่าเดิม เราอยากแนะนำให้คุณลองไปพบจิตแพทย์หรือพบนักจิตวิทยาดูนะ


 ไปพบจิตแพทย์ กับ ไปพบนักจิตวิทยา แตกต่างกันยังไง



ฟังดูอาจคล้ายกัน แต่จริง ๆ แล้วมีข้อแตกต่างกันอยู่ที่

“การไปพบจิตแพทย์” คือการไปพบแพทย์เพื่อรักษาอาการที่อาจมีสาเหตุมาจากสภาพจิตใจ โดยแพทย์จะประเมินอาการของเราโดยการพูดคุยเบื้องต้นถึงอาการและปัญหาต่าง ๆ ทั้งนี้ถ้าแพทย์ประเมินว่ามีอาการป่วยอาจมีการจ่ายยาและนัดมาพบเป็นระยะ ๆ หรือในบางกรณีก็อาจมีการจ่ายยาเพื่อความรู้สึกด้านลบได้เช่นกัน

ส่วน “การไปพบนักจิตวิทยา” หรือที่เรามักเรียกย่อ ๆ กันว่า ‘นักจิต’ จะมีความต่างจากการพบจิตแพทย์ตรงที่ ไม่มีการประเมินหรือวินิจฉัยโรคใด ๆ แต่จะเน้นเป็นการรับฟังและพูดคุยมากกว่า เหมาะสำหรับคนที่มีเรื่องที่อาจจะเล่าให้คนอื่นฟังไม่ได้หรือไม่อยากเล่า โดยนักจิตวิทยาอาจมีการแนะนำเรื่องต่าง ๆ แล้วแต่ปัญหาของแต่ละคน หรือบางครั้งนักจิตวิทยาอาจแนะนำให้เราลองไปพบจิตแพทย์ร่วมด้วยเช่นกัน

กล่าวคือ

  • ไปพบจิตแพทย์: พูดคุยเพื่อให้แพทย์วินิจฉัยอาการของเรา อาจมีการจ่ายยาเพื่อรักษาอาการต่าง ๆ
  • ไปพบนักจิตวิทยา: เน้นการพูดคุยและรับฟังปัญหาของเราโดยไม่มีการวินิจฉัยโรค

เพราะฉะนั้น ถ้ายังไม่มั่นใจว่าเราควรไปพบใครดี อาจเริ่มจากการพบนักจิตวิทยาก่อนก็ได้นะ

อยากสงบจิตใจ ทำไมมันยากจังนะ?

ในความเป็นจริงแล้ว การที่ต้องจัดการกับความขุ่นเคืองในใจและความรู้สึกที่ไร้นามเหล่านี้คงไม่ใช่เรื่องง่ายเสียทีเดียว

สิ่งที่ผมคิดได้จากการรับฟังเรื่องราวของคนมากมายในฐานะนักจิตวิทยาคลินิก คือ ถ้าหากมีคนที่สามารถสงบจิตใจได้อย่างรวดเร็วมาก ๆ แล้วล่ะก็ คนที่ฟื้นฟูสภาพจิตใจได้เป็นปลิดทิ้งเมื่อจัดการกับต้นเหตุได้ก็มีเยอะเช่นกัน (ซึ่งมักเป็นการเปลี่ยนงาน หรือเอาตัวเองออกจากอะไรบางอย่าง)

สำหรับคนที่ปัญหาเกิดจากการการเลี้ยงดูในวัยเด็กหรือชุดความคิดที่ถูกปลูกฝังมานานนั้น อาจจะต้องใช้เวลาเยอะหน่อย แล้วเราก็อาจจะไม่จำเป็นต้องสงบจิตใจได้โดย “สมบูรณ์” ก็ได้

ลองค่อย ๆ ตามหาวิธีการใช้ชีวิตร่วมกับมัน แน่นอนว่าบางคนอาจจะแค่ต้องการให้ความหนักอึ้งในใจนั้นมันเบาลงเฉย ๆ ก็ยังดี เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องคิดว่าเราต้องแก้ไขทั้งหมดก็ได้นะ


Your Worst Day (วันที่แย่ที่สุดของคุณ)

สิ่งที่เราทำได้ตอนนี้เพื่อสงบจิตใจ และเพื่อปกป้องตัวเองไว้ คือการรู้จักวิธีรับมือกับมันอยู่ตลอดเวลานั่นเอง

อาจจะเป็นอะไรเล็กน้อยอย่างเช่น วิธีการรีเซ็ตตัวเองจากความเหนื่อยล้าหลังกลับมาถึงบ้านก็ได้ หรืออาจเป็นช่วงเวลา 5 นาทีที่ฟังเพลงหลังจากลืมตาตื่นขึ้นมาจนลุกออกจากเตียง ลองค่อย ๆ หาวิธีผ่อนคลายความเครียดผ่านกิจวัตรประจำวันของเราดูสิ

ตอนที่ผมเป็นนักศึกษา เคยมีช่วงที่ทุกข์ใจกับการเรียนมากเพราะสูญเสียความมั่นใจจากการได้เห็นเลเวลความแตกต่างขอบคนรอบตัว ตอนที่ถึงขีดจำกัด รู้ตัวอีกทีก็เผลอร้องไห้โฮออกมากลางห้องเรียน ตอนนั้นเองมีรุ่นพี่มาทักผมว่า “ไปเดินเล่นกับหมาบ้านฉันกัน!“ หลังจากวันนั้นมา การเดินเล่นก็กลายเป็นวิธีการคลายเครียดสำหรับผมมาโดยตลอดเลย

จริง ๆ แล้วเขาอาจจะชวนแค่เพราะบ้านใกล้กันก็ได้ แต่ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนได้รับความช่วยเหลือจริง ๆ และยังรู้สึกขอบคุณเขาจนถึงตอนนี้อยู่เลย

ขอเพียงใครก็ได้ที่จะรับฟังเรา อยากมีใครสักคนที่รู้สึกเหมือนกัน ถ้าหากวันนี้คือ “วันที่แย่ที่สุดของคุณ“ แล้วล่ะก็ ลองเล่าให้ Your Worst Day ฟังก็ได้นะ

ถ้าหากคุณมีใครสักคนที่อยากช่วยเขาสงบจิตใจ

ในตอนนี้คุณอาจจะกำลังเป็นห่วงสภาพจิตใจของเพื่อนสนิทหรือคนสำคัญ และกำลังคิดว่าอยากจะทำอะไรบางอย่างให้พวกเขา

แน่นอนว่ามันขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ของคุณกับเขา และสิ่งที่เจ้าตัวต้องการด้วยเช่นกัน แต่บางทีการ “ไม่ทำอะไรเลย” อาจเป็นทางเลือกที่ดีได้เหมือนกันนะ เพียงแค่เตรียมพร้อมที่จะสนับสนุนทุกทางเลือกของเขา และคอยสร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้เขาไม่รู้สึกโดดเดี่ยว

เราอาจจะรู้สึกอยากเข้าไปแทรกแซงบ้าง อยากรับฟังเขาและบอกกับเค้าว่า “ไม่เป็นไรนะ” แต่บางกรณีเจ้าตัวอาจจะคิดว่า “ขอบคุณที่บอกนะ แต่ว่าตอนนี้เหนื่อยมากเลย” ได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเพียงบอกพวกเขาว่าเราอยู่ข้าง ๆ เสมอ และถ้าหากมีอะไรก็บอกได้ตลอดนะ แค่นั้นก็เพียงพอแล้วล่ะ

Subscribe to our newsletter and receive our very latest news.

Go back

Your message has been sent

Warning
Warning
Warning.